Storytelling EP.3 [ หลับตาข้างเดียว ] ปิดตาสองข้างมองไม่เห็น แต่หลับตาข้างเดียวอาจเห็นผิดเป็นชอบ

Storytelling EP.3 [ หลับตาข้างเดียว ] ปิดตาสองข้างมองไม่เห็น แต่หลับตาข้างเดียวอาจเห็นผิดเป็นชอบ



[ หลับตาข้างเดียว ]
👁️ ปิดตาสองข้างมองไม่เห็น แต่หลับตาข้างเดียวอาจเห็นผิดเป็นชอบ 👁️

👉 เรื่องราวของชายหนุ่มที่ควรจะมีอนาคตในโลกธุรกิจ แต่ชีวิตกลับพลิกตาลปัตร เพราะลืมคิดไปว่า การกระทำบางอย่างนั้น แม้ไม่ส่งผลวันนี้ แต่มันอาจรอคอยย้อนกลับมาส่งผลในวันที่เราลืมมันไปแล้วก็ได้...
***เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าที่มาจากกรณีศึกษาจริง โดยชื่อของตัวละคร สถานที่และชื่อของบริษัทในข้อเขียนเป็นชื่อสมมติ หากบังเอิญพ้องหรือบังเอิญตรงกับเรื่องราวจริงของท่านใด ทางองค์กรฯ ต้องขออภัยมาในที่นี้

[1]
🏢 ‘พลอต-วัน พริ้นติ้ง’ (นามสมมติ) เป็นหนึ่งในธุรกิจ SME ที่เติบโตมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ธุรกิจของพลอต-วันเป็นกิจการโรงพิมพ์ที่รับพิมพ์ทั้งงานพิมพ์ขนาดใหญ่แบบบิลบอร์ด ป้ายไวนิล ไล่เรียงลงมาจนถึงแพ็คเกจจิ้ง และงานพิมพ์เอกสาร
👨 ‘ธัชชะ’ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีความรู้ และเป็นที่รักของผู้คน เขาทำงานที่ 'พลอต-วัน พริ้นติ้ง ' มานานหลายปี โดยมีตำแหน่งเป็นรองผู้บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน (หรือรอง CFO) ซึ่งหากนับกับวัยของเขาแล้ว ถือว่าธัชชะเป็นคนมีความก้าวหน้าในอาชีพคนหนึ่ง

ธัชชะมีความสุขและสนุกกับอาชีพของเขามาก โดยเฉพาะการได้ทำงานเป็นมือขวาใกล้ชิดกับ 'พี่พินิจ' CFO ของบริษัทซึ่งรู้จักสนิทสนมกับเขามานานตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา เขาเลยไม่เคยคิดเรื่องที่จะต้องรีบเติบโตหรือเลื่อนตำแหน่งเลย เขาแค่อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มากกว่า

✉ แต่จู่ ๆ..พี่พินิจ CFO ก็ลาออกกะทันหัน
ทำให้ธัชชะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น CFO คนใหม่ทันที

ปกติแล้ว เวลาที่ใครบางคนได้รับการโปรโมทหรือเลื่อนขั้นนั้น มันน่าจะเรียกว่าเป็นข่าวดี แต่กับ ‘ธัชชะ’ เขากำลังไม่ค่อยแน่ใจนัก 😞
ธัชชะรู้สึกกังวลแบบแปลกๆ เพราะก่อนลาออกพี่พินิจบอกเหตุผลกับเขาแค่ว่า
‘พี่แค่อยากพักผ่อนบ้าง’
ซึ่งธัชชะมองหน้าพี่พินิจแล้วรู้ดีว่า...มันไม่ใช่แค่นั้น...

👉 ธัชชะอยากรู้เหตุผลจริงๆ
และไม่นานเขาก็ได้รู้ เมื่อ 'ขจร' ผู้เป็นทั้งเจ้าของโรงพิมพ์และ CEO โทรฯ มานัดหมายเขาส่วนตัวในวันหยุดเพื่อไปตีกอล์ฟและทานอาหารด้วยกัน


[ 2 ]
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ หลังจากตีกอล์ฟ ขจรพาธัชชะไปทานอาหารและระหว่างที่รอ ขจรก็เริ่มต้นบทสนทนา
‘คุณรู้ใช่ไหม ว่าองค์กรเราตั้งมาสิบห้าปี และตอนนี้เรามีพนักงานเกือบสองร้อยห้าสิบคนแล้ว พูดง่ายๆ คือมันโตเกินกว่าจะถอยหลังกลับไปเป็นองค์กรเล็กๆ แบบตอนปีแรกๆ...’

👉 ขจรเริ่มต้นด้วยขนาดขององค์กร จำนวนผู้คนและพนักงานที่องค์กรดูแล จากนั้น ขจรก็เริ่มเข้าเรื่องวิกฤตของบริษัทในปัจจุบันที่ พลอต-วันเจอปัญหาการมาของสื่อโซเชียลมีเดียที่ทำให้งบโฆษณาออฟไลน์ขององค์กรที่เป็นลูกค้าของพลอตวันลดลง ทำให้ขจรตัดสินใจว่าพลอต-วันจะต้องขยายตลาดไปยังภาคต่างๆ และประเทศเพื่อนบ้านให้ได้

‘ไม่งั้นเราไม่รอด’ ขจรย้ำ
‘และถ้าไม่รอดผมก็ต้องลีนสเกลลง เอาคนออก และกลับมาทำเล็กๆ หาทางลง หรือไม่ก็อาจจะเลิกกิจการ’
ขจรเงียบไปนิดนึง แล้วพูดต่อ
‘แต่จริงๆ มันมีทางอยู่ คุณรู้จัก 'ท่านสกล' ใช่ไหม’ ขจรเอ่ยชื่อ ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ ผู้มีอำนาจทางสังคมคนหนึ่ง

จากนั้น ขจรก็เล่าต่อว่าผู้มีอำนาจท่านนี้สามารถเปิดประตูทางธุรกิจของพลอต-วันสู่เครือกิจการใหญ่ในภาคๆ หนึ่งของประเทศได้ และโดยเฉพาะผู้ใหญ่ท่านนี้ยังมีเพื่อนอีกคนที่สามารถนำพาพลอต-วันไปสู่ตลาดหน่วยงานรัฐในประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย
'เพียงแต่...เราต้องจ่าย ‘ค่าดำเนินงานพิเศษ’ และจัดการซ่อนข้อมูลนิดหน่อย เพื่อให้ท่านสบายใจ ' ขจรบอก

ตอนนั้น ธัชชะเข้าใจทันทีว่า ทำไมพี่พินิจถึงลาออกกะทันหัน
พี่พินิจเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่เคยยอมทำเรื่องที่ผิดหลักการและกฎหมาย

‘หลับตาข้างนึง...จริงๆ แล้วก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแหละ พอเราฟื้นตัวแล้วเราก็กลับมาทำตลาดแบบเดิม’ ขจรพยายามโน้มน้าวธัชชะ รวมทั้งยังอ้างถึงบริษัทอื่นที่เป็นที่รู้จักในสังคมดีว่าบริษัทเหล่านั้นก็ทำข้อตกลงกับผู้ใหญ่ท่านนี้เช่นกัน

‘ใครๆ เขาก็ทำ...ที่สำคัญคือตัวท่านเองก็ต้องระวังตัวเอง จริงๆ แล้ว ท่านต้องระวังตัวเองมากกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นมันมีวิธีของมันอยู่'
ขจรตบท้าย ก่อนบอกธัชชะว่า ‘อย่าคิดว่านี่เป็นรางวัลล่อใจนะ แต่ถ้าทำสำเร็จผมเตรียม 'อะไรดีๆ' ไว้ให้คุณอยู่เหมือนกัน'

[ 3 ]
👉 ธัชชะนอนไม่หลับ เขาไม่เคยทำงานทางการเงินและบัญชีที่ต้องมีลับลมคมใน หรือ 'ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ’ แบบนี้มาก่อน
ธัชชะคิดไม่ออก...ตอนนั้นเขาอยากโทรศัพท์ไปหาพี่พินิจเพื่อปรึกษา

ธัชชะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น แต่ก็วางลง...
เขานึกถึง 'อะไรดีๆ' ที่ขจรพูดถึง แล้วเปลี่ยนใจ
หลับตาข้างนึงดีกว่า ไม่น่าจะเป็นอะไร

วันต่อมา...
ธัชชะเริ่มหาวิธีตกแต่งเอกสารทางบัญชี และหาทางปกปิดเส้นทางการเงินในการใช้ตำแหน่งข้าราชการหาผลประโยชน์ของท่านสกลตามที่ขจรต้องการได้อย่างเรียบร้อยแนบเนียน

ไม่นาน ยอดขายงานพิมพ์จำนวนมากก็หลั่งไหลมาจากตลาดใหม่ ยอดขายเหล่านี้ทำให้พลอต-วันเป็นองค์กรที่ฟื้นตัว ทำกำไรได้อย่างดีเป็นที่น่าจับตาในวงการสิ่งพิมพ์

ปลายปีนั้น ทุกคนในบริษัทต่างชื่นชมธัชชะที่ได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยเปิดตลาดจนทำให้ทุกคนได้โบนัสมากขึ้น ธัชชะเองก็ได้รับทั้งความภูมิใจและทั้งเงินโบนัสรวมถึงโบนัสพิเศษจากขจรอีกก้อนหนึ่งด้วย

และจากวันนั้น...ความหอมหวานของความสำเร็จก็ทำให้เกิดการคอร์รัปชัน ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และอีกหลายๆ ครั้งตามมา
ธัชชะลืมไปว่า ความสำเร็จจาก ‘วิธีการที่ผิด’ นั้น
ไม่ช้าก็เร็ว...มันต้องมีผลตามมาอย่างแน่นอน

[ 4 ]
👉 3 ปีผ่านไป...การเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดและเปิดตลาดไปค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นทำให้การปกปิดข้อมูลเรื่องการใช้เส้นสายทางราชการ และการตกแต่งบัญชีของพลอต-วันเริ่มยากขึ้น และมีช่องโหว่มากขึ้นสวนทางกับความจำของธัชชะ ที่จำข้อมูลการตกแต่งเอกสารได้น้อยลง

วันหนึ่ง...
ในขณะที่ขจรและธัชชะกำลังเพลิดเพลินอยู่กับความสำเร็จ จู่ๆ บริษัทของพวกเขาก็โดนร้องเรียนและถูกตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ โดยการตรวจสอบนั้นนำมาซึ่งการรื้อบัญชีย้อนหลังครั้งใหญ่

ในการตรวจสอบการทุจริต ธัชชะไม่สามารถชี้แจงหลายๆ คำถามเกี่ยวกับบัญชีที่เคยตกแต่งไว้ในอดีตได้ ยิ่งตอบไม่ได้เขาก็ยิ่งโกหก ยิ่งโกหกความจริงก็ยิ่งปรากฏ

สุดท้าย...ธัชชะจำต้องสารภาพยอมรับความผิดโดยดุษฎี และอาจต้องรับผิดเองเพียงคนเดียวด้วย เพราะขจรพยายามโยนความผิดให้ธัชชะในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเป็น CFO

ธัชชะได้รับโทษทางกฎหมายอาญาทั้งเรื่องของการให้สินบนเจ้าพนักงาน และยังมีความผิดพ.ร.บ. การบัญชีเกี่ยวกับการตกแต่งบัญชีอีกด้วย อัตราโทษของเขานั้นมีทั้งจำและปรับ

ส่วนขจรนั้นแม้ว่าจะดูเหมือนรอดตัวในทีแรก แต่อีกไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็โดนตรวจสอบอีกครั้ง หนนี้ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่มัดตัวขจรจนหนีไม่พ้นความผิด เขาต้องปิดโรงพิมพ์ของตัวเองลงและรับโทษทั้งจำและปรับเช่นกัน

ในวันที่ทุกอย่างพังลง ธัชชะรู้ตัวดีว่าอนาคตในเส้นทางอาชีพสายบัญชีและการเงินของเขาจบลงแล้วและหลังจากหมดโทษเขาคงต้องหาอาชีพใหม่ วันนั้นธัชชะ คิดถึงพี่พินิจที่เป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาเขามาตลอด

ธัชชะเพิ่งคิดได้ว่า ตอนที่ได้รับข้อเสนอจากขจรให้ทำการทุจริตนั้น จริงๆ แล้วคนที่เขาควรหันหน้าไปปรึกษาคือใคร
และวันนั้น..
เขาไม่น่าวางโทรศัพท์ที่กำลังโทรฯ หาพี่พินิจลงเลย...

...............

[ ข้อเตือนใจ ]
- ในโลกของธุรกิจนั้น วิกฤตเป็นเรื่องที่ทุกคนเจอ และวิกฤตย่อมแก้ได้ด้วยวิสัยทัศน์..ไม่ใช่ทางลัดอย่างการคอร์รัปชัน
- ในโลกของกฎหมาย ทุกครั้งในการตัดสินใจย่อมมีผลลัพธ์ส่งกลับมาเสมอ ผิดคือผิด ถูกคือถูก คำว่า ‘คอร์รัปชัน’ นั้น ไม่สามารถประนีประนอมได้ แม้เราจะทำงานอย่างขาวสะอาดมานาน แต่ทำผิดแค่ครั้งเดียว ความดีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถนำมาหักล้างกับความผิดได้
-ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตอบสนองต่อการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ (Responding to Non-compliance with Laws and Regulations) ในคู่มือประมวลจรรยาบรรณ หมวด 260 ได้ที่ https://acpro-std.tfac.or.th/standard/6/จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพ - และหากท่านใดกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจ เช่นได้รับคำสั่งให้คอร์รัปชัน หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวกับจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพ หากมีกรณีสงสัยและต้องการคำปรึกษา ท่านสามารถแจ้งข่าวสาร สอบถาม และขอคำแนะนำเกี่ยวกับจรรยาบรรณทางวิชาชีพบัญชี ได้ที่ e-Mail : ethics@tfac.or.th https://acpro-std.tfac.or.th/standard/6/จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพ หรือ www.tfac.or.th
..
จัดทำโดย คณะอนุกรรมการกำหนดจรรยาบรรณ

#เรื่องเล่าจากกรณีศึกษา
#6หลักพื้นฐานจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
#สภาวิชาชีพบัญชี
#ในพระบรมราชูปถัมภ์
#TFACfamily
โพสต์เมื่อ :
6 ก.ค. 2566 11:52:26
 3086
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์