คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี (คณะกรรมการ) ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 และได้พิจารณาการจัดประเภทหน่วยลงทุนในกองทุน Property fund กองทุน REIT และ Infrastructure fund ซึ่งเป็นการลงทุนในกองทุนของประเทศไทยว่าควรจะตีความเป็นตราสารหนี้หรือตราสารทุนโดยพิจารณาถึงเนื้อหาสาระของกองทุนเหล่านี้ รวมถึงวัตถุประสงค์ ตลอดจนลักษณะต่าง ๆ ของกองทุนแล้ว คณะกรรมการมีข้อสรุปว่า หน่วยลงทุนในกองทุนเหล่านี้ถือเป็นตราสารทุน คณะกรรมการเข้าใจดีว่าการตีความของคณะกรรมการในคราวนี้ อาจส่งผลต่อบริษัทที่ได้จัดทำงบการเงินของไตรมาส 1 โดยได้มีการตีความว่าหน่วยลงทุนในกองทุนเหล่านี้เป็นตราสารหนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สำหรับการจัดทำงบการเงินในไตรมาสที่ 2 ที่ต้องตีความว่าหน่วยลงทุนในกองทุนนี้เป็นตราสารทุน ทั้งนี้ ในการลงทุนในตราสารทุนนั้นกิจการสามารถเลือกวัดมูลค่าโดยใช้ FVTPL (fair value through profit or loss) หรือ FVOCI (fair value through other comprehensive income) ก็ได้ ในขณะที่เงินลงทุนในตราสารหนี้จะต้องวัดมูลค่าโดยใช้ FVTPL ดังนั้น การจัดทำงบการเงินสำหรับไตรมาสที่ 2 ซึ่งต้องตีความว่าหน่วยลงทุนนี้เป็นตราสารทุน กิจการสามารถเลือกที่จะวัดมูลค่าโดยใช้ FVTPL หรือ FVOCI ก็ได้ หากกิจการเลือกที่จะวัดมูลค่าโดยใช้ FVPL ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกันกับที่บริษัทได้วัดมูลค่าหน่วยลงทุนในกองทุนที่ถูกตีความว่าเป็นตราสารหนี้ในไตรมาสที่ 1 นั้น กรณีนี้การจัดทำงบการเงินในไตรมาสที่ 2 จึงไม่แตกต่างจากไตรมาสที่ 1 แต่หากกิจการเลือกที่จะวัดมูลค่าของเงินลงทุนในตราสารทุนโดยใช้ FVOCI ในการจัดทำงบการเงินในไตรมาสที่ 2 กิจการจะต้องแก้ไขงบการเงินของไตรมาสที่ 1 และวัดมูลค่าโดยใช้ FVOCI เช่นเดียวกัน ขอเชิญรับชมคลิปสัมภาษณ์ รศ. ดร.สมชาย สุภัทรกุล ประธานคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชี
