กำไร(ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น : กิจการมีเงินลงทุนเผื่อขาย ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ราคาทุน 59.75 ล้านบา

กำไร(ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น : กิจการมีเงินลงทุนเผื่อขาย ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ราคาทุน 59.75 ล้านบา

Q:

กำไร(ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น :

กิจการมีเงินลงทุนเผื่อขาย ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ราคาทุน 59.75 ล้านบาท มีค่าเผื่อการปรับมูลค่าเงินลงทุน 81.69 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งปี วันที่ 1 ต.ค.59 ถึงวันที่ 31 มี.ค.60  ขายเงินลงทุนเผื่อขาย ต้นทุนขาย (ราคาทุน) 54.61 ล้านบาท โดยขายได้ราคา 167.24 บาท มีกำไร 112.63 ล้านบาท กิจการได้บันทึกกลับส่วนเกินจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน(ส่วนที่ขาย) 83.62 ล้านบาท 

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ได้รับรู้ส่วนเกินจากการปรับมูลค่าเพิ่ม 0.31 ล้านบาท และมียอดส่วนเกิน(ต่ำ)จากการปรับมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ (1.62) ล้านบาท

 

งบแสดงฐานะการเงิน  ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560

เงินกองทุน                                             31มีนาคม 2560      30 กันยายน 2559

          ส่วนเกิน(ต่ำ)จากการปรับมูลค่าเงินลงทุน      (1.62)                    81.69

          ขาดทุนสะสม                                 _______________      _______________

 

วีธีที่ 1 รับรู้สุทธิด้วยส่วนเกินส่วนต่ำจากการปรับมูลค่าในงวดนี้  จำนวน 0.31 ล้านบาท หักด้วยส่วนเกินส่วนต่ำของเงินลงทุนที่ขายในงวดนี้ 83.62 ล้านบาท

กำไร(ขาดทุน)เบ็ดเสร็จอื่น

         รายการที่จัดประเภทรายการใหม่เข้าไปไว้ในกำไรหรือขาดทุนในภายหลัง

  กำไร(ขาดทุน) จากการปรับมูลค่าเงินลงทุน           (83.31)

                                                          _______________      _______________

 

วิธีที่ 2 รับรู้เฉพาะส่วนเกินส่วนต่ำจากการปรับมูลค่าในงวดนี้ไม่นำส่วนที่ขาย

กำไร(ขาดทุน)เบ็ดเสร็จอื่น

         รายการที่จัดประเภทรายการใหม่เข้าไปไว้ในกำไรหรือขาดทุนในภายหลัง

  กำไร(ขาดทุน) จากการปรับมูลค่าเงินลงทุน             0.31

                                                          _______________      _______________

วิธีที่ 3 รับรู้ด้วยยอดตามฐานะการเงินคงเหลือสุทธิ

กำไร(ขาดทุน)เบ็ดเสร็จอื่น

         รายการที่จัดประเภทรายการใหม่เข้าไปไว้ในกำไรหรือขาดทุนในภายหลัง

  กำไร(ขาดทุน) จากการปรับมูลค่าเงินลงทุน            (1.62)

                                                          _______________      _______________

คำถาม

งบการเงินสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2560  ในส่วนของงบกำไร(ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น รายการที่จัดประเภทรายการใหม่เข้าไปไว้ในรายการกำไรหรือขาดทุนในภายหลัง - กำไร(ขาดทุน) จากการปรับมูลค่าเงินลงทุน จะต้องแสดงด้วยวิธีใดจึงจะถูกต้อง

(คำถามเดือนมิถุนายน-กันยายน 2560)

A:

ย่อหน้าที่ 95 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2559) เรื่อง การนำเสนองบการเงิน ได้อธิบายว่า

"ตัวอย่างการปรับปรุงการจัดประเภทรายการใหม่ เช่น ... ที่เกิดจากการตัดบัญชีสินทรัพย์ทางการเงินเผื่อขาย (ดูมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 39 เรื่อง การรับรู้และการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน (เมื่อมีการประกาศใช้)) และ ..." และย่อหน้าที่ 93 ระบุว่า มาตรฐานการรายงานทางการเงินอื่นๆ เมื่อใดจำนวนที่เคยรับรู้ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจะจัดประเภทใหม่เข้าไปไว้ในกำไรหรือขาดทุน และการจัดประเภทดังกล่าวจะทำได้หรือไม่ การจัดประเภทดังกล่าวได้ถูกอ้างอิงไว้ ในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ว่าเป็นการปรับปรุงการจัดประเภทรายการใหม่ โดยการปรับปรุงการจัดประเภทรายการใหม่ รวมถึงองค์ประกอบของกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นในงวดที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการจัดประเภทใหม่เข้าไปในกำไรหรือขาดทุน ตัวอย่างเช่น กำไรที่เกิดขึ้นจริงจากการขายสินทรัพย์ทางการเงินเผื่อขาย จะรวมไว้ในกำไรหรือขาดทุนในงวดปัจจุบัน ซึ่งจำนวนดังกล่าวอาจถูกรับรู้ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น เป็นกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นในงวดปัจจุบันหรืองวดก่อน โดยกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้นต้องหักออกจากกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นในงวดที่กำไรที่เกิดขึ้นจริงถูกจัดประเภทใหม่เข้าไปในกำไรหรือขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมรายการดังกล่าวซ้ำในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม

ดังนั้น ในกรณีที่มีการตัดบัญชีเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย จะต้องจัดประเภทรายการใหม่จากส่วนของกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (OCI) ไปยังกำไรหรือขาดทุนปกติ (PL)

โดยกิจการต้องกลับรายการส่วนเกินทุนจากการตีมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายที่เคยบันทึกไว้ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจำนวน 83.62 ล้านบาท และจัดประเภทใหม่ไปยังส่วนของกำไรหรือขาดทุนปกติ (PL) โดยอาจลงบันทึกรายการดังนี้

Dr. ส่วนเกินจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย     83.62 ล้านบาท

     (กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น-OCI)

   Cr. กำไรจากการตัดบัญชีสินทรัพย์ทางการเงินเผื่อขาย          83.62 ล้านบาท   

     (กำไรหรือขาดทุน-PL )

และเมื่อมีการวัดมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายส่วนที่เหลืออยู่และมีส่วนเกินเพิ่มขึ้นจำนวน 0.31 ล้านบาท กิจการต้องรับรู้รายการโดย

Dr. เงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย                                   0.31 ล้านบาท

     (งบแสดงฐานะการเงิน)

   Cr. ส่วนเกินจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย    0.31 ล้านบาท      

     (กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น-OCI)

ดังนั้น ในระหว่างงวดจะมียอดเคลื่อนไหวในบัญชีส่วนเกินจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย (ที่รับรู้ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น - OCI) จำนวน 83.31 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามวิธีที่ 1 ที่ท่านได้เสนอมาข้างต้น

ทั้งนี้ ขอให้ท่านปรึกษาผู้สอบบัญชีของกิจการ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความเข้าใจในกิจการที่มากกว่า เพื่อให้ได้รับคำตอบที่ถูกต้องและครบถ้วนยิ่งขึ้น

โพสต์เมื่อ :
9 พ.ย. 2560 11:33:14
โดย :
แก้ไขล่าสุดเมื่อ :
26 เม.ย. 2567 16:23:52
โดย :
 11728
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์